กกต.ออกประกาศที่เกี่ยวข้องกับการหาเสียง 9 ฉบับ

1579 Views  | 

กกต.ออกประกาศที่เกี่ยวข้องกับการหาเสียง 9 ฉบับ ย้ำจัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 150 วันและประกาศรับรองผลเลือกตั้ง ไม่เกิน 9 พ.ค.


พันตำรวจเอก จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการประสานงานจากรัฐบาลถึงความชัดเจนการมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งวันเลือกตั้งจะกำหนดวันชัดเจนอีกครั้ง แต่ที่ประชุม กกต.ย้ำว่าต้องจัดเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 150 วัน และประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ไม่เกินวันที่ 9 พฤษภาคม 
.
หากมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม 2562 จะทำให้ กกต.เหลือเวลาพิจารณาเพียง 45 วัน ยืนยันว่า กกต. พิจารณาทัน ซึ่งในอดีต กกต.ก็เคยใช้เวลา 30 วันในการประกาศรับรองผล แต่ยอมรับเวลากระชั้นชิดที่ กกต.จะต้องเร่งพิจารณาให้แล้วเสร็จ
.
เลขาธิการ กกต. กล่าวว่ากรณีราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ส.ส. และประกาศ กกต. จำนวน 9 ฉบับ ที่เกี่ยวข้องกับวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการเลือกตั้ง จะมีผลบังคับใช้เมื่อ พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้งมีผลใช้บังคับ 
.
ทั้งนี้ การออกระเบียบดังกล่าว กกต.คำนึงถึงเรื่องการที่กฎหมายกำหนดให้การหาเสียงของผู้สมัครและพรรคการเมืองต้องเป็นไปอย่างเท่าเทียมกัน อีกทั้งกฎหมายยังกำหนดให้รัฐสนับสนุนการหาเสียงให้พรรคการเมือง จึงทำให้ กกต.กำหนดค่าใช้จ่ายแบบแบ่งเขตไม่เกิน 1.5 ล้านบาท และแบบบัญชีรายชื่อไม่เกิน 35 ล้านบาท 
.
โดยรายละเอียดของวิธีหาเสียง เรื่องโซเชียลมีเดียกำหนดให้ผู้สมัครหาเสียงได้ทั้งในเฟซบุ๊ก ไลน์และแอปพลิเคชันต่างๆ โดยคิดเป็นค่าใช้จ่าย ซึ่งผู้สมัครต้องแจ้งต่อ กกต.ก่อนการหาเสียง เพื่อป้องกันการแอบอ้าง หรือการสวมรอยสวมชื่อ นำไปใช้หาเสียงโจมตีผู้อื่น 
.
ส่วนการติดตั้งป้ายหาเสียง ต้องดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัด ทั้งขนาด จำนวน และสถานที่ติดตั้ง โดยในป้ายหาเสียงจะต้องมีชื่อผู้สมัคร ชื่อพรรค โลโก้ นโยบาย กรรมการบริหารพรรคและรายชื่อนายกรัฐมนตรีเท่านั้น
.
เลขาธิการ กกต. กล่าวด้วยว่า การหาเสียงทางวิทยุและโทรทัศน์ ผู้สมัครจะดำเนินการเองไม่ได้ โดย กกต.จะจัดสรรเวลาออกอากาศให้ พรรคละไม่เกิน 10 นาที
.
นอกจากนี้ กฎหมายยังเพิ่มเติมการดีเบตนโยบาย หรือประชันนโยบายของพรรคการเมือง โดยจัดเป็นกลุ่มพรรคการเมือง 3 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นพรรคที่ส่งผู้สมัครตั้งแต่ 300-350 เขต กลุ่มที่ 2 ส่งผู้สมัครตั้งแต่ 200 - 299 เขต และกลุ่มที่ 3 ส่งผู้สมัครตั้งแต่ 199 เขตลงมา ซึ่งในส่วนของสถาบันการศึกษา หรือองค์กรวิชาชีพต่างๆ ก็สามารถจัดดีเบตได้ แต่ต้องยึดหลักความเท่าเทียมกัน

สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์

Powered by MakeWebEasy.com
This website uses cookies for best user experience, to find out more you can go to our Privacy Policy  and  Cookies Policy