1911 จำนวนผู้เข้าชม |
กพท.คุมเข้มโดรนหวั่นกระทบมาตรฐานการบิน
-------------------------- ---------------
นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งป ระเทศไทย (กพท.) กล่าวว่า ปีนี้มุ่งเน้นงานกำกับดูแลก ารบินพลเรือนและส่งเสริมอุต สาหกรรมการบิน โดยไฮไลท์ของปีนี้ ประกอบด้วย 2 เรื่อง คือ 1.การยกระดับมาตรฐานความปลอ ดภัยในอนาคต ด้วยการกำกับดูแลการใช้อากา ศยานไร้คนขับ หรือโดรน เพื่อรองรับการเติบโตที่เพิ ่มขึ้น เนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีของโดรนมีควา มก้าวหน้าอย่างมาก ประกอบกับมีราคาถูก จึงมีการนำมาใช้อย่างกว้างข วางในการบินพลเรือน ดังนั้น จึงมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านความปลอดภั ยต่อชุมชน และการปฏิบัติการบินของสายก ารบินพาณิชย์ ด้านความมั่นคง และความเป็นส่วนตัวของประชา ชน
นายจุฬา กล่าวว่า ปีนี้วางแผนให้มีข้อกำหนดเร ื่องใบอนุญาตผู้ประจำหน้าที ่นักบินอากาศยานไร้คนขับ หรือ UAS license เพิ่มเติมจากประกาศผู้ควบคุ มโดรนเดิมให้มีมาตรฐานเป็นไ ปตามข้อกำหนดขององค์การการบ ินพลเรือน (ICAO) ซึ่งขณะนี้มีผู้มาลงทะเบียน แล้วประมาณ 10,000 คน โดยมีทั้งการบินเพื่อการเกษ ตรและเชิงพาณิชย์ รวมทั้งเตรียมแก้ไขกฎหมายที ่เกี่ยวข้องกับการบินโดรนที ่ใช้มาตั้งแต่ปี 2558 ใหม่ คาดจะสามารถประกาศใช้กฎหมาย ใหม่ภายในปลายปี 2563
นอกจากนี้ จะมีโรงเรียนสอนการใช้โดรนท ี่ถูกต้องตามมาตรฐานของ กพท. เพื่อให้การออกใบอนุญาตนักบ ินโดรนเป็นเหมือนใบเบิกทางใ ห้อุตสาหกรรมการบินโดรนของไ ทย และผู้ที่ต้องการบินโดรนอย่ างมืออาชีพและเพื่อการพาณิช ย์ โดยผู้ที่จะได้รับใบอนุญาตโ ดรนนี้ต้องได้รับการอบรมที่ ถูกต้องจากสถาบันที่มีมาตรฐ าน ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ รวมถึงมีการจัดสอบเพื่อให้ไ ด้นักบินโดรนที่มีคุณภาพ โดยจะร่วมกับสถาบันเทคโนโลย ีป้องกันประเทศ หรือ DTI พิจาณาหลักสูตรการอบรม เพื่อรับรองสถาบันฝึกอบรมนั กบินโดรนที่จัดตั้งโดย DTI ซึ่งจะเป็นสถาบันต้นแบบฝึกบ ินโดรนและให้บริการการฝึกบิ นที่ได้มาตรฐานให้กับประชาช น เพื่อให้เป็นพื้นฐานในการพั ฒนาระบบการกำกับดูแลของอุตส าหกรรมและกิจกรรมการบินโดรน ของประเทศไทย
2.การให้บริการด้านการแพทย์ ฉุกเฉินด้วยเฮลิคอปเตอร์ หรือ HEMS โดย กพท.มุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนห นึ่งในการช่วยลดอัตราการเสี ยชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถ นน ดังนั้น สิ่งที่จะให้การส่งเสริมปี 2563 คือ การปลดล็อคให้เฮลิคอปเตอร์ข นส่งผู้ป่วยสามารถจอดที่นอก เหนือสนามบินได้ในวันที่ 1 มีนาคม 2563 เพราะระยะเวลาในการขนส่งผู้ ป่วย 1 ชั่วโมง ถือเป็น Golden Hour ที่มีค่า โดยได้ร่วมมือกับสถาบันการแ พยท์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) เพื่อผสานการขนส่ง ทั้งทางอากาศ บก และเรือ เพื่อที่จะรักษาชีวิตคนได้ม ากขึ้น และยังเป็นการส่งเสริมอุตสา หกรรมการบินประเภทเฮลิคอปเต อร์และนักบินเฮลิคอปเตอร์มา กขึ้นอีกด้วย โดย HEMS มีจุดเด่น คือ สามารถเข้าถึงผู้ได้รับบาดเ จ็บเมื่อเกิดอุบัติเหตุรุนแ รงหรือเจ็บป่วยวิกฤติฉุกเฉิ นได้อย่างรวดเร็ว เข้าถึงจุดเกิดเหตุได้ใกล้ข ึ้น รับส่งผู้บาดเจ็บ หรือบุคลากรทางการแพทย์นอกเ ขตสนามบินได้ เพิ่มโอกาสการรอดชีวิตมากยิ ่งขึ้นภายใต้มาตรฐานความปลอ ดภัย ด้านการบินสากล และมาตรฐานการให้บริการด้าน การแพทย์ฉุกเฉิน โดยเชื่อว่าแผนงานปีนี้จะช่ วยยกระดับอุตสาหกรรมการบินข องประเทศไทยให้มีมาตรฐานสาก ลและสามารถแข่งขันกับนานาปร ะเทศได้
สำนักข่าวไทย
บริษัท กฎหมายและธุรกิจ อินเตอร์ คอนซัลแตนท์ จำกัด
เชี่ยวชาญเรื่องกฎหมายธุรกิจ มีประสบการณ์มากว่า 30 ปี ปัจจุบันเป็นผู้ให้บริการต่อบริษัทห้างร้านธุรกิจ และบริษัทชั้นนำ
ปรึกษากฎหมาย
โทร : 02-185-1895 , 02-712-8205
แฟกซ์ : 02-185-1899
Email : interco@interco.co.th